hit counter

Emotional Intelligence ความฉลาดทางอารมณ์: หัวใจของความสำเร็จและความสุข

Emotional Intelligence บริหารอารมณ์ได้จึงสำเร็จ

ในที่ทำงานเราอาจเคยได้ยินหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงานพูดกันทำนองว่า เวลาทำงานอยากให้ใช้เหตุผลเป็นหลัก อย่าใส่ใจกับอารมณ์ความรู้สึกมากนัก ทั้งที่ในความเป็นจริงทุกคนมีอารมณ์ความรู้สึก และมักแสดงออกถึงความรู้สึกนั้นในการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นอยู่เสมอ

ถ้าเราไม่รู้จักอารมณ์ตัวเองและยิ่งไปกว่านั้น หากไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้  ก็คงจะก่อให้เกิดมลภาวะทางอารมณ์ในที่ทำงานมากมาย และทำให้เสียบรรยากาศการทำงานไปอย่างน่าเสียดาย


การรู้จักและสามารถควบคุมอารมณ์ตนเอง หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่ามีความฉลาดทางอารมณ์
(Emotional Intelligence) สำคัญอย่างไร

ในช่วงหลายทศวรรษก่อนหน้านี้ มีความเชื่ออย่างหนักแน่นว่าคนที่มี IQ (Intelligence Quotient) สูง จะเก่งทุกเรื่องและเพราะหัวดีจึงมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จสูงกว่าคนที่ IQ อยู่ในระดับธรรมดา   ต้องขอบคุณนักจิตวิทยาหลายๆท่านที่ได้พยายามศึกษาเรื่องความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) หรือเรียกง่ายๆว่า EQ มาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 19 และค้นพบว่าคนที่มีความฉลาดทางอารมณ์หรือมี EQ ดี มีความสามารถในการจัดการกับอารมณ์และรับมือกับปัญหาต่างๆได้ดีที่มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จและมีชีวิตที่มีความสุขมากกว่า

 

ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) หรือ EQ คืออะไร?

คือความสามารถในการรับรู้ เข้าใจ และจัดการกับอารมณ์ของตนเอง รวมถึงความสามารถในการรับรู้ เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของผู้อื่นด้วย ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับผู้อื่น และส่งผลต่อบรรยากาศในที่ทำงานรวมถึงสุขภาวะที่ดีด้วย

มีนักจิตวิทยาระดับโลกหลายท่านที่ได้ศึกษาเรื่องความฉลาดทางอารมณ์และเผยแพร่ความรู้นี้ต่อสาธารณะ แต่ที่โด่งดังเป็นที่รู้จักมากก็เมื่อมีการตีพิมพ์หนังสือชื่อ “Emotional Intelligence: Why It Can Matter More Than IQ ” โดย Daniel Goleman ในปี 1995 ทำให้ EQ เริ่มเป็นที่รู้จักและยอมรับว่ามีความสำคัญตั้งแต่นั้นมา ผู้คนต่างก็ให้ความสนใจศึกษาและพัฒนาทักษะความฉลาดทางอารมณ์กันมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่เป็นผู้นำ ผู้บริหาร มีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีทักษะด้าน EQ สูง เพื่อที่จะได้เข้าใจตนเองและสามารถเข้าใจผู้อื่นและนำผู้อื่นไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายได้

 

ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) ครอบคลุมด้านใดบ้าง?

ความฉลาดทางอารมณ์ตาม concept ของ Daniel Goleman ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 5 ประการคือ

1.Self-Awareness: ความสามารถรับรู้ เข้าใจอารมณ์ ความรู้สึกของตนเอง และรู้ว่าอารมณ์นั้นส่งผลต่อความคิดและพฤติกรรมอย่างไร การตระหนักรู้นี้ทำให้สามารถจัดการกับอารมณ์ของตัวเองในสภาวะต่างๆได้

2.Self-Regulation: เมื่อรับรู้เข้าใจอารมณ์ ความรู้สึกตนเองแล้ว สามารถควบคุม จัดการกับอารมณ์ตนเองให้สงบได้แม้ภายใต้ภาวะกดดัน สามารถปรับอารมณ์ สติและพฤติกรรมของตนเองได้อย่างเหมาะสม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นไว้ได้

3.Motivation: แรงบันดาลใจที่จะขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จอาจมาจากทั้งปัจจัยภายนอกเช่นเงินทอง ของรางวัล หรือมาจากปัจจัยภายในเช่น Passion คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์สูงมักรู้ว่าอะไรคือแรงบันดาลใจและแรงผลักดันของตนเอง รู้จักสร้างขวัญกำลังใจให้ตนเอง มีความมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อเพื่อนำตัวเองไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ

4.Empathy: ความสามารถที่จะเข้าใจอารมณ์ ความรู้สึกผู้อื่น และเข้าใจมุมมองของผู้อื่นเสมือนว่านำตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์นั้น หรือที่สำนวนฝรั่งพูดว่า Put yourself in others’ shoes เป็นทักษะสำคัญที่ช่วยสร้างเสริมความสัมพันธ์และการสื่อสารเชิงบวกกับผู้อื่น

5.Social Skills: ความสามารถสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นในสังคม รวมถึงการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถจัดการแก้ไขความขัดแย้งและสร้างความร่วมมือร่วมมือที่ดี สิ่งนี้จะส่งผลให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงานและสร้างเครือข่ายทางสังคมที่เกื้อกูลกัน

 

ทำไมคนมีความฉลาดทางอารมณ์หรือ EQสูง จึงมีโอกาสประสบความสำเร็จและมีสุขภาวะที่ดีมากกว่า?

 


ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
: คนที่มี EQ ดีมักจะมีการสื่อสารที่ชัดเจน รับฟัง เข้าอกเข้าใจความรู้สึกและมุมมองของคนอื่นทำให้สามารถจัดการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้ดี เป็นที่ยอมรับและได้รับความร่วมมือจากผู้อื่น

ความเป็นผู้นำและการสร้างทีม: ผู้นำที่มี EQ ดีมักรู้จักและเข้าใจตนเองดี รู้ว่าตัวเองมีจุดแข็งและความสามารถอะไรจึงตัดสินใจเรื่องต่างๆได้ดี สามารถสร้างแรงบันดาลใจ inspire ผู้อื่นจนได้รับความเชื่อถือและยอมรับจากคนในทีม ทำให้เกิดบรรยากาศเชิงบวกในการทำงาน สร้างความร่วมมือร่วมใจและนำไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้

การจัดการความเครียด: คนที่มีEQ สูงมักจะมีทัศนคติเชิงบวก มองโลกในแง่ดี มีความหวัง ถึงแม้จะมีอุปสรรคหรือความล้มเหลวในการทำงาน แต่สามารถจัดการกับความเครียดและมีพลังการฟื้นตัวกลับมาใหม่ได้ สามารถเรียนรู้ ปรับแก้ไขและทำให้ดีกว่าเดิมจนประสบความสำเร็จได้ในที่สุด

รับมือกับการเปลี่ยนแปลง: ความฉลาดทางอารมณ์เชื่อมโยงโดยตรงกับความสามารถในการปรับตัวและความยืดหยุ่น  ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วทุกวันนี้ ต้องปรับตัวและยืดหยุ่นสูงมากเพื่อสามารถรับมือกับเทคโนโลยีและกระบวนการแบบใหม่ หรือแม้แต่ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป

สุขภาวะ: คนที่มีEQ สูงจัดการความเครียดได้ดีกว่าและยอมรับสถานการณ์ต่างๆได้ดี จึงสามารถรักษาสุขภาพทั้งกายและใจไว้ได้  ถึงแม้ว่าจะอยู่ในสภาวะเครียดหรือกดดันก็ตามก็ยังคงมีสุขภาวะและมีความสุขมากกว่า

 

เราจะพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ให้สูงขึ้นได้อย่างไร

 

 

10 วิธีต่อไปนี้นี้จะช่วยพัฒนา EQ ให้สูงขึ้นได้

  1. ฝึกมีสติรู้ตัวบ่อยๆ เริ่มจากวิธีที่เรียบง่ายเช่นการรับรู้ลมหายใจเข้า-ออก การนั่งสมาธิ การเดิน การเล่มเกมที่ใช้สมาธิจดจ่อ
  2. สำรวจตัวเอง ทำความเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกตัวเองด้วยการตั้งคำถามและตอบตัวเองเพื่อสะท้อนความคิดความรู้สึก
  3. ถามความคิดเห็นจากคนรอบข้างและรับฟังอย่างเปิดใจ
  4. ฟังให้มากขึ้นและฟังอย่างตั้งใจ สังเกตภาษากาย สีหน้า อารมณ์ความรู้สึกของคู่สนทนาเพื่อความเข้าอกเข้าใจ (Empathy) อย่างลึกซึ้ง
  5. ฝึกอดทนเมื่อต้องรอคอย รู้จักยืดหยุ่นและยอมรับสถานการณ์ต่างๆ
  6. ค้นหาแรงบันดาลใจของตนเอง รู้จักจุดแข็งและคุณค่าของตนเอง
  7. ตั้งเป้าหมายและแบ่งเป็นเป้าหมายเล็กๆทีละขั้น เฉลิมฉลองเมื่อทำได้สำเร็จ
  8. มีทัศนคติเชิงบวก มองโลกแง่ดีและมีความหวังเสมอ
  9. พัฒนาทักษะสื่อสาร เข้าสังคมทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ ช่วยเหลือแบ่งปันผู้อื่น สร้างเครือข่ายทางสังคม
  10. ดูแลรักษาสุขภาพกายและใจอย่างสม่ำเสมอ ออกกำลังกายเป็นประจำ นอนหลับให้เพียงพอ ผ่อนคลายจิตใจด้วยงานอดิเรกที่ชอบ

 
เมื่อเห็นความสำคัญของความฉลาดทางอารมณ์หรือ Emotional Intelligence แบบนี้แล้ว มาลงมือเสริมสร้างเพิ่มระดับ EQ กันเถอะ ที่สำคัญ การสร้างความฉลาดทางอารมณ์นั้นไม่สามารถเพิ่มระดับขึ้นมาได้ทันทีทันใดตามที่ต้องการ แต่จะต้องฝึกฝนบ่อยๆ ทำทุกวันจนเป็นนิสัยและเป็นทักษะที่ติดตัว ลงมือทำวันนี้เพื่อจะได้ประสบความสำเร็จทั้งในการทำงานและการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข